สิ่งที่ผู้บริหารมักทำเป็นประจำคือ การ check up หรือการตรวจตราดูสุขภาพของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การบริหาร ด้านบุคลากร ด้านการผลิต คุณภาพของสินค้า และเป้าหมายต่าง ๆ ซึ่งการประเมินตรวจสอบเหล่านี้มักจะมีระยะเวลาตายตัว เช่น ทุก ๆ เดือน ทุก ๆ ไตรมาส และ ทุก ๆ ปี แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละธุรกิจ
ผู้บริหารบางคนตรวจสุขภาพธุรกิจของตัวเองทุกเดือน บางคนตรวจทุก 2 สัปดาห์ บางคนตรวจทุกเช้า แน่นอนว่าความถี่เป็นเรื่องสำคัญ การตรวจสุขภาพธุรกิจก็ไม่ต่างกับการตรวจสุขภาพรถยนต์ ถ้าเราไม่หมั่นนำรถไปเช็ค รอวันที่เสียงเครื่องดัง จนรถวิ่งไม่ได้ เมื่อนั้นก็อาจจะสายเกินแก้
แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความถี่เลยก็คือ สุขภาพของธุรกิจที่เรา check up นั้น เราควรจะตรวจเรื่องอะไร และตรวจจากใคร
วันนี้อยากแนะนำให้ตรวจ 3 เรื่อง จาก 3 กลุ่มครับ
3 เรื่องที่ว่านั้นไม่ใช่อะไรที่ยากเลย แต่เป็นคำถามว่า
เขาต้องการอะไร
เขาต้องทำอะไร
และหลังจากทำแล้ว เขาได้สิ่งที่ต้องการหรือไม่
โดย 3 กลุ่มที่อยากจะให้คุณเข้าไปตรวจและทำความรู้จักคือ
1. กลุ่มลูกค้า
แน่นอนว่าธุรกิจจะรอดหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับลูกค้า ถ้าลูกค้ารักเรา ชอบสินค้า ชอบผลิตภัณฑ์ ชอบแบรนด์ของเรา โอกาสที่ธุรกิจจะสามารถไปต่อได้ย่อมมีสูง ในทางตรงกันข้าม ถ้าลูกค้าไม่ชอบเรา ไม่รักแบรนด์ของเรา หรือ “จำเป็น” ต้องใช้สินค้าของเรา เชื่อว่าธุรกิจนั้นก็คงตกอยู่ในความเสี่ยงมิใช่น้อย
แต่คำว่า “ลูกค้า” สำหรับคุณคืออะไร? หลายคนมองว่าลูกค้าคือ “เป้าหมาย” ของการขาย เป้าหมายของการทำธุรกิจ เราต้องขายสิ่งนี้กับลูกค้าให้ได้ เราต้องทำให้เขาซื้อให้ได้ และซื้อเป็นจำนวนมากพอให้ถึง “เป้าหมาย” ที่ตั้งไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่อาจจะถูกต้องในระยะสั้น แต่อาจจะไม่ถูกต้องในระยะยาว
หากจะชวนให้คิดใหม่ ให้ลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่เราต้องการ “เปลี่ยน” ชีวิตของเขา เปลี่ยนให้ดีขึ้น ทำให้เขาพอใจ และมีความสุขมากขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา
ทำสินค้าที่เขาอยากซื้อ ไม่ใช่สินค้าที่เราอยากขาย
นำ 3 คำถามไปตรวจดูสุขภาพของลูกค้าคุณ เพื่อมองให้เห็นว่า ลูกค้าของคุณ ต้องการอะไร และเขาต้องทำอะไรเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น และสุดท้ายหลังจากที่ทำแล้ว เขาได้รับสิ่งที่ต้องการจริง ๆ หรือไม่
ถ้าคุณมีธุรกิจร้านอาหาร ให้ถามลูกค้าของคุณว่า
เขาเข้ามาร้านของคุณทำไม คำตอบที่ได้อาจจะเป็น “ต้องการอิ่มและอร่อยกับมื้อเที่ยงระหว่างวัน”
แล้วสิ่งที่เขาต้องทำคืออะไร “เดินเข้าร้านและสั่งอาหารที่เลือกได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก”
และสุดท้าย เมื่อเขาทำแล้ว เขาได้สิ่งที่ต้องการหรือไม่
เพราะหัวใจของธุรกิจคือ ลูกค้า และถ้าลูกค้าของคุณไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาก้าวเข้ามาในร้านของคุณ นั่นหมายความว่า คุณกำลังดูแลหัวใจของคุณได้ไม่ดีพอ
2. กลุ่มพนักงาน ทีมงาน
มีคนเปรียบว่า ทีมงานก็เหมือนเลือดที่อยู่ในร่างกาย ถ้าเลือดไม่ดี ร่างกายก็ไม่ดี และถ้าเลือดไม่ดี หัวใจที่พูดถึงในข้อแรกนั้น จะดีได้อย่างไร
ถ้าลูกค้ามีเหตุผลว่า เขาต้องการอะไร แล้วทำไมทีมงานหรือพนักงานของคุณจะไม่มีเหตุผลว่า “เขาต้องการอะไร”
ดังนั้นคำถามที่สำคัญไม่ใช่คำถามที่ว่า “เขาต้องการอะไร” แต่เป็น “คุณเคยรู้หรือไม่” ต่างหาก
ขณะที่ผู้บริหารพยายามหาประโยชน์สูงสุดจากพนักงาน อยากได้จำนวนงานมากที่สุด และคุณภาพที่สุด ใน 8 ชั่วโมงต่อวันที่เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณใช้งานทีมงานเช่นนี้ ทีมงานของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรที่มีชีวิต
เชื่อว่าถ้าคุณถามพวกเขา คุณอาจจะได้รับคำตอบที่น่าตกใจ บางคนไม่ได้มาทำงานเพื่อเงิน แต่มาทำงานเพราะอยากได้ความรู้ บางคนมาทำงานเพราะอยากทำงานให้สำเร็จ และภูมิใจในสิ่งที่ตนได้ทำ บางคนมาทำงานเพราะอยากได้รับคำชมจากลูกค้า และเกลียดที่แม้ยอดขายจะดี แต่โดนลูกค้าด่าทุกวัน
ดังนั้นถ้าคุณสามารถ check up พนักงานได้ว่า พวกเขาต้องการอะไร และสิ่งที่พวกเขาต้องทำนั้นตอบโจทย์ ตอบเป้าหมายเขาหรือไม่ และถ้ามันใช่ พวกเขาก็ได้จะรับในสิ่งที่พวกเขามองหา
ส่วนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่คุณจะได้ก็คือ พลังในการทำงานจากพนักงานที่คุณอาจจะไม่สามารถหาได้จากการจ้างทำงานด้วยเงิน
3. กลุ่มพาร์ทเนอร์
เชื่อว่าหลายธุรกิจไม่สามารถทำงานได้เพียงลำพัง ธุรกิจอาหารจำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์ส่งอาหารสด ธุรกิจเทคโนโลยีก็ยิ่งจำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์รอบตัวมากมายเช่นกัน
ผู้บริหารควร check up กลุ่มคนเหล่านี้ว่าพวกเขาต้องการอะไร พวกเขาต้องทำอะไร และพวกเขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการหรือไม่ถ้าบริษัทคือร่างกาย ผู้บริหารคือสมอง พนักงานคือเลือด ลูกค้าคือหัวใจแล้ว พาร์ทเนอร์ก็คืออาวุธที่ช่วยเสริมให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เก่งขึ้น หลากหลายขึ้น
ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา เราไม่เห็นสงครามที่มนุษย์ต่อสู้กันด้วยมือเปล่าอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ฝ่ายที่มีอาวุธรุนแรงกว่า นวัตกรรมสูงกว่า แทบจะสามารถกำชัยชนะได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทำไมเราจึงละเลยพาร์ทเนอร์ของเรา?
ผู้บริหารหลายคนไม่สนใจพาร์ทเนอร์ เพราะมองว่าพวกเขาคือ “ลูกจ้าง” พวกเขาทำงานเพราะการว่าจ้าง ไม่จ้างก็ไม่มา แต่คุณรู้หรือไม่ว่า พาร์ทเนอร์หลายคนไม่ได้ต้องการแค่เงินเช่นกัน และพาร์ทเนอร์หลายคนยอมทำงานให้ “ฟรี” ถ้าเขาได้ในสิ่งที่ต้องใฝ่หามานาน แต่ไม่เคยได้ และกำลังจะได้สิ่งเหล่านั้นจากธุรกิจของคุณ
ถามพาร์ทเนอร์ว่า เขาต้องการอะไรจากการทำธุรกิจกับเรา เขาต้องทำอะไรบ้าง และสุดท้ายคือ ที่ผ่านมาเขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการหรือไม่
เชื่อว่าการ check up 3 กลุ่มคนที่มีความสำคัญที่สุดต่อสุขภาพบริษัทของคุณด้วย 3 คำถามนี้ จะทำให้ธุรกิจของคุณมีสุขภาพที่ดีได้อย่างยืนยาว ยิ่งคุณตรวจสุขภาพบ่อยเท่าไหร่ ก็จะลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยได้มากเท่านั้น
check up นี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่การ check up ที่แปลกหรือใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นการตรวจสุขภาพคนรอบกายด้วยการคิดถึงพวกเขาให้มาก และคิดถึงตัวคุณและธุรกิจของคุณให้น้อยลงเท่านั้นเอง
เพราะธุรกิจที่ดีและยั่งยืน ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความสามารถของคุณเพียงลำพัง
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในปีใหม่ 2563 มีธุรกิจที่รุ่งเรือง และสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนครับ
บทความนี้เขียนที่ Krungsri Business Empowerment