ความอิจฉา เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าทุกคนเคยเป็น แน่นอนว่าในชีวิตนี้ตั้งแต่เด็กจนโตเราต้องเคยอิจฉาคนอื่น
ตั้งแต่ตอนเรียนเราก็อิจฉาเพื่อน ว่ามันเรียนเก่งกว่า
โตขึ้นมาแฟนมันก็สวยกว่า
ทำงานก็ได้เงินเดือนเยอะกว่า
ได้รับคำชมเชยมากกว่า
เราทุกคนล้วนเคยอิจฉาผู้อื่น แตกต่างกันที่ความถี่ ว่าอิจฉาบ่อย อิจฉาหลายคน
สิ่งที่น่าสนใจคือความอิจฉา แม้มันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการมองดูคนอื่น แต่ความจริงแล้วจุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นจากภายในของเรานี่เอง
ผลการวิจัยบอกว่า ความอิจฉาเกิดจากการที่เรารู้สึกว่าเราด้อยกว่า เราได้น้อยกว่า เราต้อยต่ำกว่า ไม่ว่าจะในเรื่องชื่อเสียง เงินทอง ตำแหน่ง อำนาจ ความรัก ฯลฯ
การที่เราไม่เห็นค่าของตัวเราเอง
เมื่อภายในเราเกิดความอิจฉา มันก็จะนำมาซึ่ง “ผลลัพธ์” ที่แตกต่างกัน
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการ “แซะ”
หลายคนปลดปล่อยมันออกมาด้วยการพูดจาแซะคนที่เราอิจฉาไปเรื่อย กระแนะกระแหนคนอื่น การปล่อยพลังงานลบเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวคุณเองต้องเฉาและดำดิ่งลึกลงไปทุกวันแล้ว มันยังฉุดเพื่อนรอบข้างให้ดำลงไปกับคุณด้วย
สุดท้ายก็ต้องดูว่าเพื่อนเหล่านั้นอยากจะดำลงไปกับคุณหรือไม่ หรือเค้าต้องเลือกที่จะลาจาก เพราะไม่อยากจะได้รับพลังงานลบอีกต่อไป
คำถามที่น่าสนใจคือ “วันนี้เราแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?”
ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า “ไม่มีใครบนโลกนี้เก่งไปซะทุกอย่าง”
ดังนั้นถ้าเพื่อนเราดีกว่าเราในบางเรื่อง เราก็ต้องมีอีกหลายเรื่องที่ดีกว่าเพื่อนเช่นกัน
ย้อนกลับมามองตัวเอง ค้นหาจุดดี จุดแข็งของตัวเอง เพื่อกำจัดพลังลบ แล้วสร้างพลังบวก
อย่างที่บอกไปแล้วว่า “ความอิจฉา แม้เราจะอิจฉาคนอื่น แต่ทั้งหมดมันเริ่มต้นจากข้างในของตัวเราเอง”
ไม่เช่นนั้น ทำไมขณะที่เรากำลังอิจฉาในความสำเร็จของเพื่อน แต่มีคนอีกจำนวนไม่น้อยกลับดีใจกับเพื่อนคนนั้นจนน้ำตาจะไหล
เลิกดูถูกตัวเอง ค้นหาจุดเด่น แล้วพัฒนามัน
ไม่เพียงแต่คุณจะได้เพื่อนที่อยากได้พลังบวกกลับคืนมา คุณยังจะได้ตัวคุณเองแบบไร้สารพิษกลับคืนมาด้วย