พ่อค้าค้าไม้คนหนึ่งเป็นคนขยัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด เขาถึงทำธุรกิจไม่ได้ดีซักที
ทุกเย็นหลังปิดร้าน พ่อค้าจะมานั่งเฉาอยู่หลังร้านแล้วบอกกับตัวเองว่า
“เสียดายที่วันนี้น่าจะขายของได้มากกว่านี้.. เสียดายที่เมื่อเช้าลูกค้าถามรายละเอียดสินค้าเราน่าจะตอบได้ดีกว่านี้.. เสียดายที่… “ เขาคิดเช่นนี้วนอยู่เรื่อยไป
พ่อค้าเดินทางไปปรึกษาปัญหาที่ตน “ทำอะไรก็ไม่ได้ดีซักที” กับเพื่อนคนหนึ่งที่ร้านน้ำชาริมถนน หลังจากเพื่อนนั่งฟังปัญหาจนจบ ซึ่งก็นานพอที่จะทำให้ชาบนโต๊ะหายร้อน เพื่อนก็นั่งครุ่นคิดซักพัก.. ก่อนจะตอบพ่อค้าว่า..
“บนภูเขาลูกนั้นมีคำตอบ”
เพื่อนพูดพลางชี้นิ้วไปที่ภูเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก
“หะ!?” พ่อค้าทำหน้างุนงงสิ่งที่เพื่อนบอก
“ครั้งหนึ่งข้าเองก็เคยมีปัญหาเหมือนเจ้า ข้าหมกหมุ่นกับปัญหา ข้าคิดไม่ออกว่าควรจะอย่างไร ข้าเสียดายที่เคยทำผิดพลาด หลายสิ่งน่าจะดีขึ้นกว่านี้ ระหว่างที่ยังคงคิดไม่ออก ข้าก็เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ จนขึ้นไปบนเขาลูกนั้น หลังจากขึ้นไปได้ไม่นานข้าก็ได้รับคำตอบ”
เพื่อนยกแก้วจิบน้ำชาที่เย็นชืด แล้วพูดต่อ
“ข้าอยากให้เจ้าเดินขึ้นไปบนภูเขาลูกนั้นพร้อมกับข้าพรุ่งนี้เช้า”
พ่อค้ามองตาเพื่อนซักพัก ก่อนจะตอบว่า
“โอเค.. ถ้ามันจะทำให้ข้าค้นพบคำตอบว่า ทำไมข้าถึงทำอะไรก็ไม่ได้ดีซักทีได้ ข้าก็จะไป”
…
รุ่งเช้า เพื่อนมายืนรอพ่อค้าที่หน้าร้าน พ่อค้าแต่งชุดพร้อมเดินทาง เอาเข้าจริง ๆ เพราะความขยันของพ่อค้า จึงอาจจะพูดได้ว่าวันนี้น่าจะเป็นวันหยุดวันแรกในรอบหลายปีของเขา หลังจากที่พ่อค้าหันมองเหลียวหลังดูหน้าร้านที่ปิดอยู่ ทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินทางสู่ภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเท่าไรนัก
เมื่อมาถึงตีนเขา เพื่อนบอกกับพ่อค้าว่า “เดินขึ้นทางนี้แหละ พอจะมีร่องรอยทางเดินให้เห็นนิดหน่อย คงเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนมา เราน่าจะใช้เวลาเดินขึ้นซัก 2-3ชั่วโมง เดี๋ยวเราจะเดินตามท้าย คอยดูหลังให้”
“โอเค!!”
พ่อค้าตอบด้วยความมุ่งมั่น สีหน้าของเขาไม่ต่างอะไรกับตอนเขาทำงานที่ร้าน งานที่เขาทำด้วยความขยัน มุ่งมั่น ตั้งใจ
เดินขึ้นไปได้ 20นาที เจ้าของร้านหันหลังมองลงมาด้านล่าง เขานึกถึงร้านที่ไม่เคยปิดของเขา แล้วก็แอบคิดว่า ถ้าวันนี้เขาเปิดร้าน น่าจะได้รายได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
เดินขึ้นไปได้อีก 20นาที เขาก็คิดเรื่องเดิม ไม่นานเขาก็สะดุดกับรากไม้เหนียวขนาดไม่ใหญ่นัก .. แต่มันก็แข็งแรงพอจะทำให้พ่อค้าล้มลงกับพื้น
“โอ๊ยยย!”
พ่อค้าร้องเสียงดัง เพราะการสะดุดรากไม้ทำให้เขาหน้าคะมำ ห่อข้าวที่พกมาหกเรี่ยราดกระจัดกระจาย แต่ไม่เป็นไร เขายังลุกไหว เขาจะเดินต่อ
พ่อค้าหันกลับไปมองรากไม้อีกครั้ง พร้อมบ่นกับตัวเองว่า ทำไมเดินไม่ดูวะ! แล้วทำไมมีรากไม้มาอยู่บนเส้นทางเดินวะ เสียดายข้าวห่อจริง ๆ แล้วเที่ยงนี้ฉันจะกินอะไรฟระ!
เดินไปได้อีก 20นาที เจ้ารากไม้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พ่อค้าหันกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นรากไม้นั้นแล้วก็ตาม พ่อค้ารู้สึกโง่มาก การเดินไม่ดูตาม้าตาเรือไม่เพียงแต่ทำให้เขาเจ็บตัว แต่ยังทำให้เขาต้องเสียมื้อเที่ยงไปด้วย
พ่อค้าหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้ง ก่อนที่จะหันกลับมามองทางแล้วพบกับ..
“เห้ยยยยย!!!” พ่อค้าร้องเสียงหลง
งูเงียวขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่อันตรายพอดู เกาะกิ่งไม้ที่อยู่ด้านหน้าพ่อค้าและพร้อมจะพุ่งเข้าหาในระยะประชิด! พ่อค้ารีบเอี้ยวตัวหลบด้วยความรวดเร็ว เพราะถ้าไม่ทัน พ่อค้าอาจจะได้รับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้!!
“หวิดไป!” พ่อค้าบอกกับตัวเอง พลางหันกลับไปมองดูงูเขียวที่ยังเกาะอยู่บนกิ่งไม้นั่น ขณะที่ยังไม่ทันจะบอกอะไรเพื่อน พ่อค้าก็เห็นเพื่อนเอี้ยวตัวหลบกิ่งไม้นั้นได้โดยไม่มีความตื่นตระหนกใด ๆ
กว่าจะถึงยอดเขา พ่อค้ามองหันกลับไปมองร้านค้า มองรากไม้ มองกิ่งไม้งูเขียวอยู่เรื่อย ๆ พลางนึกถึงความผิดพลาดแบบโง่ ๆ ที่ทำให้เขาเสียอาหารกลางวัน และเกือบจะเสียชีวิต
สภาพของพ่อค้าแลดูโทรม เหงื่อออกเต็มตัว เสื้อที่เคยขาวเมื่อเช้านี้กลับโทรมเก่าภายในเวลา 1 ชั่วโมง เข่ากางเกงขาดหวิ่นจากเหตุล้มหน้าคะมำเพราะรากไม้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
“ไหนอ่ะคำตอบ!? ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับการทำธุรกิจอะไรเลย!!!”
ความเหน็ดเหนื่อยและอากาศที่ร้อน ทำให้พ่อค้าบ่นด้วยอารมณ์หงุดหงิด
แต่เพื่อนที่เสื้อยังขาวเหมือนเดิม กางเกงยังอยู่ในสภาพดีเหมือนเมื่อเช้า เขายิ้มให้พ่อค้านิดนึงที่มุมปาก ก่อนที่จะบอกกับพ่อค้าว่า
“นั่งก่อนท่าน.. ทานข้าวกัน ข้ามีข้าวอีกกล่องมาเผื่อ”
พ่อค้านั่งลงอย่างว่าง่าย พร้อมกับเปิดข้าวกล่องกินพร้อมกันกับเพื่อนใต้ต้นไม้ ลมเย็น ๆ กับเสียงนกร้องทำให้พ่อค้าใจเย็นลง
“ท่านพ่อค้า..ปีนเขาวันนี้ท่านพบอุปสรรคอะไรบ้าง?” เพื่อนถาม
พ่อค้าบอก 2 สิ่ง คือ ไอรากไม้โง่ ๆ นั่น กับงูเขียวตัวเล็กที่โผล่มาจากไหนไม่รู้!
“แต่ข้าไม่เป็นไรเลย” เพื่อนยิ้ม แล้วพูดต่อ
“จะเดินป่า ท่านต้องมองข้างหน้า อย่ามัวแต่เหลียวหลัง”
“ก็มัน!…” พ่อค้าพยายามอธิบายเหตุผล
“ท่านมองข้างหลังตั้งสองสามรอบ มันช่วยให้ท่านหายเจ็บจากการหกล้มไหม?”
“ไม่”
“ในป่ามีอันตรายมากมาย รอบทิศทาง ยิ่งเข้าป่าลึก อันตรายก็ยิ่งมากขึ้น เราก็ต้องระวังมากขึ้น
สิ่งที่ท่านต้องทำคือการมองไปข้างหน้า มองให้ชัด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกก้าวที่เดินนั้น เป็นก้าวที่ดีที่สุดแล้ว
แม้ว่าจะมีผิดพลาดบ้าง สะดุดบ้าง
ท่านอาจจะเหลียวหลังได้แค่ครั้งเดียว มองให้เห็น จำให้เป็นบทเรียนว่าเราจะต้องไม่พลาดอีก.. จากนั้นให้หันกลับไปมองข้างหน้า และเดินต่อท่านไม่ต้องเสียดายว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ท่านต้องมั่นใจว่าจะไม่เสียดายเช่นนี้อีก”
พ่อค้านิ่งเงียบ และฟังอย่างตั้งใจ
“ทีนี้ขาลง ..ท่านลองทำตามที่ข้าบอก แล้วดูสิ๊ว่า ท่านจะเจ็บตัวเหมือนขาขึ้นหรือไม่”
เมื่อฟังจบ ทั้งคู่นั่งพักหลังอาหารเที่ยง ก่อนที่จะพากันเดินลงไปตามทางเดิมที่ขึ้นมา
คราวนี้พ่อค้าเดินอย่างตั้งใจ ตามองไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวคือก้าวที่ดีที่สุดแล้ว และเมื่อผิดพลาด เขาแค่หันกลับไปมองเพียงครั้งเดียวและเดินต่อ
จนกระทั่งทั้งคู่เดินลงมาถึงตีนเขา พ่อค้ามีสะดุดบ้าง แต่ไม่หกล้มเลยซักนิด พ่อค้ายิ้มภูมิใจ
พ่อค้ากล่าวขอบคุณเพื่อนก่อนจะแยกทางกัน ตะวันกำลังจะลับฟ้าพอดี แสงสีส้มพาดลงบนตัวของพวกเขาทั้งสอง เหงื่อที่ท่วมตัววันนี้
กับกางเกงที่ขาดวิ่นตั้งแต่ตอนขาขึ้น กลับกลายเป็นบทเรียนที่ดีมาก ๆ สำหรับพ่อค้าพ่อค้าเดินทางกลับไปที่ร้านคนเดียว ไม่เสียดายเลยที่วันนี้ไม่ได้ขายของ เพราะสุดท้ายแล้ว พ่อค้าได้คำตอบของการทำธุรกิจว่า..
“จงมองไปข้างหน้า และต้องมั่นใจว่าทุกก้าวที่เดินไปสู่เป้าหมาย คือก้าวที่ดีที่สุดแล้ว ไม่แปลกที่จะพบกับอุปสรรค ขอแค่หันกลับไปมองความผิดพลาดนั้นเพียงครั้งเดียว เพื่อจำให้เป็นบทเรียนว่าจะไม่ผิดพลาดเช่นนั้นอีก จากนั้นก็ต้องเดินต่อ”
เพราะการหันกลับไปมองอดีต ไม่ได้ช่วยให้เราเปลี่ยนอดีตได้ แต่จงเข้าใจว่าจะทำให้เราเปลี่ยนอนาคตได้
จึงไม่แปลกที่บางคนจะผิดพลาดอีกซ้ำ ๆ เพราะมัวแต่มองอดีตแต่ไม่สนใจอนาคต
พ่อค้าอาบน้ำ เข้านอน..
พ่อค้านอนยิ้ม เพราะได้รับบทเรียนจากภูเขา
และเชื่อว่า
พรุ่งนี้เช้า จะเป็นการเริ่มต้นวันทำงานใหม่ที่ดีอย่างแน่นอน