Omotenashi ปรัญชาของความใส่ใจแบบญี่ปุ่น

Omotenashi มาจากคำสองคำ คำแรกคือ “Omote” ซึ่งแปลว่า หน้า หรือ ด้านหน้า, สิ่งที่อยู่ด้านหน้า, Public Face ส่วนคำว่า “Nashi” แปลว่า ไม่มี รวมกันสองคำหมายถึง การไม่มีหน้าไม่มีหลัง ไม่มีปิดบัง การทำอะไรโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น ทำจากก้นบึ้งของหัวใจ

Mindshift #4/52 “ช่างแม่ง”

คำ ๆ นี้ผมเป็นคนพูดเอง ในวันที่มีคนเดินเข้ามาปรึกษาผมถึงปัญหาชีวิตต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว ปัญหาที่บ้าน ปัญหาเพื่อนรอบตัว เพื่อนร่วมงาน หรือปัญหาแฟน และปัญหาการเงิน

Mindshift #3/52 “มีสองวิธีที่จะหาเงินล้าน 1 เก็บเงินคนละบาทล้านคน และ 2 เก็บเงิน 1 คน 1 ล้านบาท”

“เก็บเงินคนละบาทหนึ่งล้านคน” ก็ได้ 1 ล้านบาทแล้ว ง่ายจะตาย แค่ 1 บาทใคร ๆ ก็จ่ายได้ แต่เอาเข้าจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบ ไม่ถนัดอย่างผม 1 ล้านคน ก็หมายถึง 1 ล้านปัญหาด้วยเช่นกัน

คุณอาจจะเป็นทะเลสำหรับใครบางคน

เราอาจจะเป็นความสบายใจของใครบางคน เป็นที่พักผ่อนยามเหนื่อยล้า หรืออาจจะเป็นที่พึ่งพิง

ถ้าคุณเป็นทะเล เพื่อนคุณก็อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวที่แวะมาบ้างประปราย หรืออาจจะเป็นชาวประมงที่อยู่กับคุณทุกวัน

ถามอย่างไร ให้คนตอบไม่โกหก

ก่อนที่จะพูดถึง “วิธีตั้งคำถาม” ก็ต้องบอกข้อมูลเป็นพื้นฐานก่อนว่า คำถามนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ “คำถามปลายเปิด” และ “คำถามปลายปิด”

If you don’t understand people, you don’t understand business พัฒนาธุรกิจ 4 ด้านด้วยการเข้าใจมนุษย์

เมื่อทีมงานของเราก็เป็นมนุษย์ ลูกค้าของเราก็เป็นมนุษย์ แล้วทำไมเราถึงลืมที่จะเข้าใจมนุษย์ไปได้ซะล่ะ

Mindshift #1/52 “เมื่อคุณได้ทำงานที่รักแล้ว คุณจะไม่ต้องทำมันอีกเลยตลอดชีวิต”

“งานที่รักคืออะไร?”
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่างานไหนเป็นงานที่เรารัก ?”
“เราเลือกได้ด้วยหรือ?”

Mindshift #2/52 “ขับรถไม่ต้องกลัวชนคนอื่น เพราะคนอื่นก็กลัวชนเราเหมือนกัน”

“เออว่ะ! เรากลัวชนเค้า เค้าก็น่าจะกลัวชนกะเราด้วยเช่นกัน” ดังนั้นโอกาสผิดพลาดของเรามีแค่ 50% นั่นคือถ้าผมเผลอขับรถเอียงกินเลนอื่น ก็ใช่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทันที แต่รถที่ผมกำลังเอียงเข้าหา เขาก็ต้องป้องกันตัวเองด้วย