เมื่อชีวิตคือการ “ตัดสินใจ” สิ่งสำคัญที่ควรนึกถึงไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจอะไร แต่อะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจ!
ช่วงนี้ยอมรับว่ามีหลายสิ่งเข้ามาทำให้ต้องคิด ต้องเลือก ต้องตัดสินใจมากมายเกี่ยวกับอนาคตของการทำธุรกิจ ผมเองวิ่งเข้าหาคนหลายคนเพื่อพูดคุย ปรึกษา
เมื่อวานได้พบพี่ที่นับถือมาากกกคนหนึ่งโดยบังเอิญ เลยขอเวลาพี่เค้าคุยด้วยซักนิด เพื่อปรึกษา
ความจริงแล้วพี่เขากำลังจะเดินออกจากร้านกาแฟ แต่พี่เขาก็เดินกลับและหาที่นั่ง พร้อมเชื้อเชิญผมให้นั่งคุยกัน
“รบกวนพี่มาก ๆ เลย ผมเกรงใจ”
พี่เขาบอก “ไม่เป็นไร คุยกันซัก 15นาที”
พี่เขาบอกผมว่า “ก่อนที่เราจะตัดสินใจอะไร เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราต้องการอะไร”
คำถามนี้ไม่ใช่คำถามใหม่ ผมอ่านบ่อยในหนังสือ.. แต่พอได้ยินพี่เขาถามเราบ้าง เรากลับอึ้งแล้วตอบไม่ได้..ตอบยากกว่าที่คิด..
ผมอยากให้ธุรกิจเติบโตครับ..
เติบโตไปทำไม? เพื่อกำไร เพื่อได้เงิน? ซึ่งก็ไม่ผิดนะ… เพราะถ้าเป็นเรื่องเงินก็ต้องถามอีกว่า เก่งคาดหวังไว้ที่เท่าไหร่?
อืมมมม.. ทีนี้ผมอึ้งจริง
ก่อนที่ผมจะตอบอะไร พี่เขาก็พูดประโยคที่ทำให้ผมต้องคิดให้มากขึ้น..
“ก่อนที่จะตัดสินใจอะไร เราต้องมองดูว่าอนาคตเราต้องการอะไร ณ ตอนนี้เรามีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “Limited
Resource” นั่นก็คือ “เวลา” ของเรานั่นเอง
ความรู้ ไม่ใช่ Limited Resource แต่เวลาเป็น Limited Resource เราจะบริหารจัดการอย่างไรกับมันให้ได้ประโยชน์ที่สุด
ถ้าวันนี้คุณอายุ 40 ..อีก 8ปี 10ปี คุณอายุ 50 คุณหวังไว้ว่าอยากได้อะไร?
คุณต้องรู้ตัวเองว่า “ความสุขที่แท้จริงของคุณอยู่ที่ไหน” ถ้าการทำให้ธุรกิจโต คุณต้องบริหารคนมากขึ้นกว่าเดิม คุณอยากทำไหม? หรือจริง ๆ คุณมีความสุขกับจำนวนคนเท่านี้อยู่แล้ว? และรายได้ที่อยู่ได้ดีมีความสุขแล้ว ซึ่งก็ไม่ผิดเช่นกัน
ในวันที่ผมต้องบริหารคนเป็นพันคน ผมแทบจะไม่มีเวลาเลย นั่นคือสิ่งที่คุณอยากได้รึเปล่า?
ผมมีเพื่อนที่เป็น SME บริหารคนสิบ ยี่สิบคน แล้วอยู่ได้เรื่อย ๆ ไม่ได้เริ่ดหรูอะไร คนแบบนี้ผมก็ Respect เขามากนะ เพราะ “เขารู้ตัวว่าเขาต้องการอะไร”
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจอะไร คำถามที่ต้องถามคือ “คุณต้องการได้อะไร”
ถามอย่างจริงใจ และตรงไปตรงมา
ใช้ 5 Whys ถาม คำว่า “ทำไม 5 ครั้งแล้วคุณจะพบคำตอบ”
ผมคุยกับพี่เขาประมาณ 15นาที และนี่คือหนึ่งใน เสี้ยวเดียวที่ได้รับความรู้ กับคำพูดโหล ๆ ที่ได้ยินมาบ่อยและอ่านในหนังสือหลายครั้ง แต่พอได้มาทบทวนแล้วถามตัวเองจริง ๆ ก็พบว่า..
เออ.. “แล้วเราต้องการอะไรจริง ๆ
กันแน่ในอีก 5-10ปีข้างหน้า?”ก่อนลากัน ผมบอกขอบคุณพี่เขาและบอกเขาว่า “ขอบคุณพี่นะครับเจอกันทีไร สิ่งที่ผมประทับใจมาก ๆ คือการที่พี่ให้เวลาพูดคุยกับผมอย่างตั้งใจ และผมจำสิ่งที่พี่ทำไปเป็นตัวอย่างเสมอ”
พี่เขาตอบว่า
พี่ก็มีเวลาเป็น Limited Resource เหมือนกัน และพี่ก็เลือก ว่าจะให้ Limited Resource นี้กับใคร.. เพราะเป้าหมายของพี่คือ..
“การให้ เพื่อสร้าง”