เมื่อก่อนย้อนกลับไปไม่นาน ซัก 10-15ปีที่แล้ว ใครก็ตามที่ทำ “งานนอก” หรืองาน freelance คือทำงานประจำไปด้วย แล้วก็ทำงานนอกไปด้วย เหล่านี้อาจจะถูกมองได้ว่าเป็นคนไม่ภักดีต่อบริษัท จนมีคำพูดที่หลายคนติดปากว่า “แอบรับงานนอก”
ในที่นี้เราพูดถึงการทำงานนอกที่ต้อง “นอกเวลางาน” ด้วย เพราะไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ถ้าคุณนำงานนอกมาทำในเวลางาน เชื่อว่าไม่มีที่ไหนเห็นด้วยอยู่แล้ว แต่เมื่อ 10-15ปีที่แล้ว ต่อให้ทำงานนอกเวลางาน clenbuterol achat กลับบ้านไปนั่งทำงานนอกต่อ ก็ยังไม่โอเค
ผมเองเป็นหนึ่งในนั้น
เป็นหนึ่งในคนที่ชอบรับงานนอก ด้วยความที่เป็น freelance มาตั้งแต่อยู่อเมริกา พอได้เป็นพนักงานประจำก็อดไม่ได้ที่จะรับงานนอก หารำไพ่พิเศษข้อดีของงานนอก แน่นอนว่าเรื่องแรกคือทำให้เราได้รับเงินเพิ่ม รายได้เพิ่ม แต่มากไปกว่านั้นคือการได้รับความรู้เพิ่มเติม ได้ท้าทายตนเอง ได้ทำในสิ่งที่บางครั้งบริษัทที่ทำงานประจำให้ไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ผมทำงานประจำในตำแหน่งดีไซน์เนอร์ การได้รับฝิ่นหรืองาน freelance ทำให้ผมได้เพิ่มสกิลด้านการขาย การพูดคุยกับลูกค้า ต่อเนื่องมาถึงความเข้าใจในตัวลูกค้า เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าคิด และเห็นในสิ่งที่ลูกค้าเห็น
เนื้องานก็เปลี่ยนไป มีอิสระมากขึ้น ผมเป็นคนไม่ทำงานตามที่ลูกค้าสั่งเสมอ แต่จะพยายามคิดไอเดียมาท้าทายลูกค้า ซึ่งหลายครั้งก็ท้าทายเราเองด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเก่งขึ้น มีการพัฒนาตนเองมากขึ้น
แต่เหตุที่บริษัทในยุคก่อนไม่ชอบให้มีการรับงานนอกเพราะว่าการรับงานนอกหมายถึงพนักงานไม่จงรักภักดี ไม่ซื่อสัตย์ แถมพนักงานบางคนก็มีขอลาบ่ายไปทำธุระ ซึ่งธุระนั้นก็คือการไปคุยงานกับลูกค้าของงานนอกนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การมีงานนอกนั้นกลับส่งผลดีให้กับบริษัทได้ไม่น้อยเลย ยกตัวอย่างตัวผมเอง เมื่อผมเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีสกิลในการคุยกับลูกค้าและเข้าใจลูกค้าได้ ผลลัพธ์นี้ย่อมตกสู่บริษัทที่ผมทำงานด้วยอย่างแน่นอน
มาพูดถึงยุคนี้กันบ้าง
ยุคนี้หลายคนเริ่มทำงานนอกกันเป็นเรื่องปกติ อาจจะกลายเป็นเรื่องแปลกด้วยซ้ำถ้าบางคนจะมีแค่ “งานเดียว”
คุณอาจจะทำงานประจำในฐานะพนักงานขาย หรือพนักงานบัญชี แต่กลับไปบ้านก็ขายเสื้อผ้าออนไลน์
ขายต้นไม้ บางคนอาจจะเป็น influencer เป็น YouTuber เป็น Game Caster ซึ่งเหล่านี้บางครั้งบริษัทก็จ้างพนักงานตัวเองนี่แหละให้ช่วย pr สินค้า ช่วยนำงานนอกมาเสริมกับงานประจำถ้าถามว่างานนอกของผมคืออะไร คงนับไม่ถ้วน คำถามคือ งานนอกของคุณผู้อ่านคืออะไรมากกว่า
ผมค้นพบว่า พอถึงช่วงของ Covid-19 ก็มีเพื่อนผมหลายคนที่งัด “งานนอก” ออกมาเป็น “งานหลัก” งานหลักเดิมเป็นร้านอาหาร ตอนนี้มาขายต้นไม้ งานหลักเดิมเป็นบริษัททัวร์ วันนี้มาขายเจลล้างมือ งานหลักเดิมเป็นบริษัทพ่นยาฆ่าแมลง วันนี้มาพ่นยาฆ่าเชื้อ
แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีงานนอกเลย วันนี้ผมขอบอก “ข้อดีของงานนอก” ให้ฟังซัก 5 ข้อ
1. ได้ทำงานที่คุณมีความเชื่อ
เมื่อคุณได้ทำงานนอก คุณจะทำงานที่คุณอยากทำ ไม่ว่าจะขายของออนไลน์ หรือบางครั้งอาจจะไม่ใช่งานใหม่แปลกประหลาดอะไรเลย อาจจะเป็นงานเดิมที่ทำที่ออฟฟิศ แต่กลับทำในรูปแบบที่แตกต่าง รูปแบบที่คุณ “เชื่อ” ว่ามันดีกว่าแบบเดิม ๆ เมื่อคุณได้ทำงานที่คุณเชื่อ สิ่งที่คุณจะได้ตามมาคือ “งานที่มี Passion” งานที่คุณรู้สึกดีที่ได้ทำ รู้สึกมีพลังที่จะตื่นเช้ามาทำทุกวัน และเป็นงานที่แม้จะไม่ได้รับเงินซักบาท คุณก็ยังจะอยากทำ และอาจจะทุ่มเทกว่างานที่ได้เงินเสียอีก
2. อิสระ ไร้กังวล
ถ้าวันนี้มีงานประจำอยู่แล้ว การทำงานนอก แม้จะไม่ได้เงินอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่คุณก็ไม่ขัดสน ไม่ลำบาก สิ่งนี้ถือเป็นโอกาสทองมาก ๆ ที่จะได้ลองล้ม ลองลุก ลองในสิ่งที่เชื่อ ทำแล้วเวิร์คก็ดี ไม่เวิร์คก็ไม่เป็นไร แม้จะมีเสียเงิน เสียทอง เสียเวลา เสียพลังงาน ไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่จนทำให้เราต้องอดข้าว ทำให้เราล้มบนฟูก ไม่ต้องไปล้มเจ็บตัวเลือดออกเข่าถลอกเหมือนคนอื่นที่กว่าจะเริ่มทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องรอออกจากงานหลักก่อน
3. ได้เรียนรู้สิ่งใหม่
แน่นอนว่าเรื่องใหม่ที่คุณได้ทำ จะทำให้คุณเรียนรู้สิ่งใหม่ สิ่งที่คุณไม่คุ้นเคย เมื่อเราทำงานแล้วสิ่งหนึ่งที่เรามักจะมีการพัฒนาที่ต่ำลงมากคือ “ความรู้” ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์จะทำให้เราจำได้ จะทำให้เราได้เรียนรู้จริง ๆ ในแบบที่หนังสือหรือคอร์สออนไลน์หลาย ๆ ที่ไม่มีสอน ในทางกลับกัน นาทีที่คุณได้ลองทำงานนอก หรือ Side Project คุณอาจจะต้องงัดความรู้ที่เคยได้เรียนจากคอร์สออนไลน์ หนังสือ หรือการเข้าสัมมนางานต่าง ๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ได้ และเมื่อได้ลองคุณก็จะรู้ว่า อะไรที่เวิร์ค อะไรที่ไม่เวิร์ค
4. ได้รับโอกาสใหม่
นักรบ ถ้ารู้จักอาวุธเพิ่ม ก็จะมีโอกาสชนะในการต่อสู้เพิ่ม พ่อครัว ถ้ารู้สูตรอาหารเพิ่ม ก็จะมีโอกาสเป็นพ่อครัวชั้นเลิศเพิ่ม แล้วคนทำงานอย่างเรา ถ้ามีความรู้ ความสามารถเพิ่ม แล้วจะไม่ได้รับโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มได้อย่างไร
บางคนพูดว่า “ไม่มีโอกาส” คำถามที่สำคัญกว่าถามว่า “ทำไมไม่มีโอกาส” คือ โอกาสมันไม่มา หรือคุณไม่วิ่งเข้าหามัน?
เหมือนคุณพายเรือไม่เป็น คุณก็นั่งอยู่ในเรือที่จอดอยู่ริมน้ำ ตกปลายังไงก็ได้ปลาเท่าเดิม ไม่มีโอกาสได้ปลาใหม่ ๆ แต่ถ้าคุณมีความรู้ความสามารถเพิ่ม
คุณสามารถพายเรือออกไปข้างนอกได้ โอกาสใหม่ก็จะมา แล้วเมื่อนั้นล่ะ ความสามารถของคุณจะพิสูจน์ไปอีกขั้นว่า “เมื่อโอกาสมาแล้ว คุณจะสามารถคว้ามันไว้ได้หรือไม่”5. พัฒนาตัวงานประจำที่ทำ
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า เมื่อคุณได้รับสกิลใหม่เพิ่ม ความรู้เพิ่ม แล้วจะไม่ไปเพิ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้กับงานประจำหรือ? มันต้องเพิ่มแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องพูดมาก ไม่ต้องคิดมาก “ทำเลย” เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้เวลาว่างที่เหลือจากการทำงานประจำ มาทำงาน Side Project
หรืองานนอกอีกแล้วสำหรับข้อเสียของงานนี้ก็มีเช่นกัน..
มีเสีย 3 เสีย นั่นคือ อาจจะ เสียเงิน อาจจะเสียเวลา และอาจจะเสียโอกาสอื่น ๆ ที่เข้ามาระหว่างที่คุณกำลังทำ Side Project หรืองงานนอกนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ทำงานที่เราชอบ งานที่เราเชื่อ และมีความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับความรู้ใหม่ ๆ ที่จะได้.. การเสียทั้งสามเสีย ถ้าเราเชื่อว่างานนอกที่เราทำนั้นดีจริง สามเสียนั้นถือว่าเล็กน้อยครับ
ลองดูนะครับ แล้วหวังว่า “งานนอก” หรืองาน Side Project ของทุกคนจะผลิดอกออกผล ออกมาในเร็ววัน
ถ้าอ่านจบแล้วอยากฟังเรื่องนี้ที่ผมได้มีโอกาสไปพูดให้กับ Podcast ของ SEAC สามารถติดตามได้จากลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ