มารู้จัก EQ เหตุผลของความสำเร็จ (และไม่สำเร็จ)

มารู้จัก EQ เหตุผลของความสำเร็จ (และไม่สำเร็จ)

อ่านเจอบทความหนึ่งใน World Economic Forum ว่าด้วยเรื่องของเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องสนใจและเข้าใจเรื่อง EQ หรือ Emotional Intelligence

จากสถิติพบว่า 90% ของคนที่ประสบความสำเร็จ มี EQ ที่ยอดเยี่ยม

คนที่มี EQ สูงจะสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้มากถึง $28,000 (873,600บาท) ต่อปี

และ ดร.ทราวิส แบรดลีย์ ผู้ร่วมเขียนหนังสือ “Emotional Intelligence 2.0” บอกว่า EQ จะช่วยได้ตั้งแต่เรื่อง การจัดสรรเวลา และการจัดการตัวเอง

เป็นความจริงที่หลาย ๆ คนพยายามตั้ง “New Year Resolutions” กันเมื่อตอนต้นปี (และอีกหลาย ๆ ต้นปี) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการเวลา การดูแลผู้อื่น และอีกมากมาย แต่หลายคนมักทำไม่สำเร็จ ความจริงแล้วเราทำไม่สำเร็จตั้งแต่ยังไม่ทันจะมีนาคมเลยด้วยซ้ำ เราก็ล้มเลิกแล้ว ABC-training: bodybuilding, fitness, vechtsporten lilly 20 mg tadalafil bodybuilding-snack: voor en na de training.

80% ล้มเลิกความตั้งใจที่เคยเขียนไว้ใน New Year Resolutions ตั้งแต่กุมภาพันธ์ และ มีเพียง 5% เท่านั้นที่สามารถทำได้สำเร็จ

ซึ่ง ดร.ทราวิสบอกว่า มีสองเหตุผลที่ตอบได้ว่าทำไมเราจึงทำไม่สำเร็จ

หนึ่ง คือ เราตั้งเป้าหมายไว้มากเกินกว่าที่เราจะสามารถทำได้ หรือในบทความเขียนไว้ว่า เราเคี้ยวมากกว่าที่เราจะสามารถกลืนได้ เราอาจจะเลือก 3-4 เรื่องใหม่ที่อยากจะทำ แต่ความจริงแล้วมันเกินกว่าที่เราจะสามารถทำได้

แต่เหตุผลที่สองคือ การที่เราไม่สามารถพัฒนาตนเองได้นั้น เพราะเรามักจะใช้อารมณ์เป็นใหญ่ และอารมณ์ของเรานั้นก็มักจะพาไปสู่พฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ขี้เกียจ

ดังนั้นถ้าเราสามารถจัดการกับอารมณ์ของเราได้ เราก็อาจจะสามารถจัดการกับนิสัยที่แย่ ๆ ได้

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องเข้าใจเรื่อง EQ หรือ Emotional Intelligence

>>> สำหรับคนที่ไม่อยากอ่าน สามารถฟังต่อได้ที่ Creative Talk Podcast ด้านล่างเลยนะครับ

ทีนี้เรามาดูการทำงานของสมองกัน…

ผู้เขียนบอกว่า สมองเราจะรับ sense ทุกอย่างโดยเริ่มจากก้านสมอง หรือจุดที่อยู่ต่ำสุดของสมองนั่นเอง และก่อนที่สมองของคุณจะคิดถึงอะไรที่เป็นเหตุและผล มันจะต้องวิ่งโดยเริ่มจากก้านสมอง และต้องผ่านอีกจุดหนึ่งที่เรียกว่า “Limbic System” ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความคิดทาง “อารมณ์” นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลามีเรื่องอะไรต่าง ๆ เข้ามา เราจึงมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ออกมาได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้เหตุและผล เพราะเมื่อสัญญาถูกส่งมาถึงส่วนของ Limbic System เราไม่สามารถควบคุมมันได้ เพราะเราไม่มี EQ ที่ดีนั่นเอง

การมี EQ หรือ Emotional Intelligence ที่ดี จะช่วยส่งต่อไปยังส่วนที่เรียกว่า “Rational Brain” หรือส่วนที่เป็นเหตุและผล ดังนั้นเมื่อคุณสามารถพัฒนา Emotional Intelligence ของคุณได้ คุณก็จะสามารถควบคุมพฤติกรรมและนิสัยของคุณได้เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในทางที่ดี

ทีนี้เรามาดูกันว่า เจ้า Emotional Intelligence หรือ EQ นี่ทำงานอย่างไร

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า EQ มีผลต่อการทำงานและพฤติกรรมของเรา หรือแม้แต่การกระทำที่มีต่อเพื่อนและบุคคลรอบข้าง ผู้เขียนบอกว่า EQ นั้นประกอบด้วยความสามารถของเราทั้ง 4 ด้าน โดยแยกออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน นั่นคือ ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง และความสามารถด้านสังคม

ลองดูตามภาพนะครับ

Personal Competence ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

ซึ่ง Personal Competence นี้จะเกี่ยวข้องกับสองเรื่องคือ Self-Awareness หรือการรู้จักตัวเอง ความเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเอง และ Self-Management คือเมื่อรับรู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แล้วเราจะสามารถการจัดการตนเองได้อย่างไร

Social Competence ความสามารถด้านสังคม

ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับสองเรื่องเช่นกัน นั่นคือ Social Awareness หรือความสามารถในการรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น และ Relationship Management คือเมื่อรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นแล้วเราจะสามารถจัดการ ตอบสนองอย่างไร เพื่อให้เกิดผลลัพท์ที่ดีที่สุด

เมื่อเข้าใจดังนี้ เรามาลองดูว่า ถ้าคุณพัฒนา EQ ของคุณได้แล้ว จะทำให้คุณสามารถจัดการกับสิ่งที่คุณไม่เคยจัดการมันได้ ได้อย่างไร

ยกตัวอย่างเรื่อง..

ทำไมเราจึงการจัดการ บริหารเวลาไม่สำเร็จ?

ในรอบ 1 เดือน มีคนเสิร์ช ค้นหาคำว่า “Time Management” มากถึง 11ล้านครั้ง นั่นหมายความว่า การจัดการเวลาถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลายคนพยายามหาทางแก้ไข จัดการ หรือแม้กระทั่ง hack มัน

แต่น้อยคนจะรู้ว่า Time Management สามารถจัดการได้ ถ้าคุณเข้าใจเรื่อง EQ เพราะมันเกี่ยวข้องกับ 2 ใน 4 ความสามารถที่เพิ่งจะกล่าวถึง นั่นคือ Self-Management และ Relationship Management

ตื่นเช้ามาเรามักจะพยายามจัดการเวลาด้วยการเริ่มต้นวางแผน วาง schedule ซึ่งการวางแผนเป็นเรื่องของ “เหตุและผล” ล้วน ๆ เราเริ่มต้นวันด้วยความตั้งใจว่าเราจะจัดการสิ่งนี้สิ่งนั้นให้สำเร็จให้ได้

แต่แล้วระหว่างวัน เรามักจะพบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมาย ตั้งแต่อีเมลที่โผล่เข้ามาตลอดเวลา โทรศัพท์จากเพื่อน งานด่วนงานเร่ง นี่ยังไม่รวมถึง Social Network ที่ยิง Notification เข้ามาไม่หยุดหย่อน ดังนั้นตลอดวันเราจึงมัวแต่ยุ่งกับการจัดการงานของคนอื่น งานที่คนอื่นยิงเข้ามาหาเรา จนทำให้เราไม่ได้ทำงานตามที่วางแผนไว้อย่างเป็นเหตุและผลเมื่อเช้านี้

ซึ่งคนที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เหล่านี้ได้ และปล่อยให้งานที่วางแผนไว้ไม่เดินตามแผน ทำให้ตัวเราเองมัวแต่ไม่ยุ่งกับงานคนอื่นนั้นถือว่าเรามี EQ ในส่วนของ Self-Management และ Relationship Management ต่ำ

การถูกรบกวนเป็นเรื่องของตัวคุณเอง การจัดการตัวเองให้อยู่ในแผนที่วางไว้ เป็นเรื่องของ Self-Management และเมื่อมีคนเข้ามารบเร้าให้คุณช่วยเหลือ มีอีเมลที่เข้ามาให้คุณอ่าน เหล่านี้เป็นเรื่องของ Relationship-Management ซึ่งเหล่านี้คือความสามารถสำคัญที่เราต้องจัดการให้ได้เพื่อให้การทำงานของเราในแต่ละวันเป็นไปตามที่วางแผนไว้

ทำไมเราจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่สำเร็จ?

การเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องยาก น่าเบื่อ ไม่สนุก การจะสามารถจัดการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จำเป็นต้องมี EQ ที่แรงกล้า เพราะการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นจำเป็นต้องใช้ 2 ความสามารถ (จาก 4 ที่ได้พูดถึงก่อนหน้านี้) นั่นคือ Self-Awareness และ Self-Management

Self-Awareness จะทำให้คุณรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา และจะทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะคุณจะรู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่คุณต้องปรับตัว ต้องเปลี่ยนแปลง และความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะมีผลต่อชีวิตคุณอย่างไร

ส่วน Self-Management จะทำให้คุณเข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้ว่าคุณจะต้องทำอะไร แม้ในช่วงเวลาที่อาจจะดูเหมือนกำลังดีอยู่ แต่คุณจะรู้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คุณสามารถจัดการได้ทุกอย่าง ดังนั้นคนที่มีทั้ง Self-Awareness และ Self-Management ที่ดีจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา และพยายามสำรวจตลอดเวลาว่า มีอะไรบ้างที่พวกเขาจะต้องทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

การสร้างความชัดเจน

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า EQ หรือ Emotional Intelligence เป็นเรื่องของคนอารมณ์ดี ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ แต่ EQ กลับเป็นเรื่องของความสามารถในการเปิดเผยความเป็นตัวคุณเองมากกว่า ผู้เขียนได้ยกคำพูดของอริโตเติลที่พูดว่า

“Getting angry is easy, getting angry with the right person, at the right time, and right degree is not”

การโมโหนั้นทำได้ง่าย แต่จะโมโหและโกรธใครให้ถูกคน ถูกเวลา และความรุนแรงที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย

และเป็นเรื่องที่ต้องใช้ EQ เป็นอย่างมาก

คนที่ EQ สูงไม่ใช่เป็นคนที่คอยต้องดูแลคนให้ดี แต่คุณต้องเป็นคนที่ชัดเจน เข้าใจว่าตัวคุณเองเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร และเข้าใจในตัวผู้อื่นได้เป็นอย่างดี สุดท้ายคือสามารถทำในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง เพื่อที่จะให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด ซึ่งคนที่มี EQ สูงสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีจนเป็นธรรมชาติ

การพัฒนาการตัดสินใจที่ดี

คงจะเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า การตัดสินใจของเราในทุกวันนี้ไม่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จนนักประสาทวิทยา (Neuroscience) เคยออกมาบอกว่า บางครั้งการตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผลมากที่สุดคือการเชื่อในอารมณ์ของคุณ

แต่การที่จะใช้อารมณ์ตัดสินใจได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ คุณต้องเข้าใจว่า อารมณ์คือความรู้สึก คุณต้องเข้าใจอารมณ์ของตัวคุณเอง เข้าใจในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญหน้า และทำไมเราจึงมีอารมณ์เช่นนี้ และทั้งหมดนี้จะมีได้ถ้าคุณมี EQ ที่ดี

สรุป

การเข้าใจในอารมณ์ของตัวอง การพัฒนา EQ หรือ Emotional Intelligence จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะมีผลต่อการพัฒนาตนเอง การเปลี่ยนตัวเอง การตัดสินใจและแน่นอนว่าหลายสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการใช้ชีวิตและหน้าที่การงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ที่มา: https://www.weforum.org/agenda/2020/02/emotional-intelligence-2020-goals-ambition

neuroscience of trust
Up Next:

สร้างความเชื่อใจ ด้วย Neuroscience เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

สร้างความเชื่อใจ ด้วย Neuroscience เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน